aree loogo-01

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring) VS พื้นไม้รางลิ้น (Solid Wood Flooring) เลือกใช้ไม้แบบไหนดี

เปรียบเทียบความแตกต่างของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ กับ พื้นไม้รางลิ้น

การปูพื้นด้วยวัสดุไม้นั้นยังคงเป็นตัวเลือกที่ใครหลายคนชื่นชอบเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากพื้นไม้มีข้อดีด้านความคงทนแข็งแรง และความสวยงามแบบธรรมชาติ แม้ว่าปัจจุบันจะมีวัสดุปูพื้นที่มีลวดลายเลียนแบบไม้ได้อย่างสวยงามแล้วก็ตาม แต่หลายคนยังคงชื่นชอบคุณสมบัติเฉพาะของพื้นไม้จริง ทั้งเรื่องของความรู้สึกในเวลาที่สัมผัส ความเป็นธรรมชาติ ความยั่งยืน และอุณหภูมิที่อบอุ่นของพื้นไม้ที่ทำจากไม้จริง ๆ 

แน่นอนว่าวัสดุของพื้นไม้ที่เราจะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือ Solid Wood Flooring หรือพื้นไม้รางลิ้น และ Engineered Wood Flooring หรือพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ พื้นไม้ทั้งสองประเภทนี้ถือเป็นวัสดุพื้นไม้ยอดนิยมของคนที่ต้องการปูพื้นไม้จริง แต่หลายคนอาจสงสัยว่าจะเลือกใช้ไม้แบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างพื้นไม้รางลิ้นกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ วันนี้อารีย์จะพาไปทำความรู้จักกับพื้นไม้รางลิ้นและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ว่ามีคุณสมบัติ และ ความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้เหมาะสมกับพื้นที่ของคุณ

รู้จักกับพื้นไม้รางลิ้น Solid Wood Flooring 

พื้นไม้รางลิ้น คือรูปแบบของพื้นไม้ที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งชนิดเดียว โดยไม่ต้องผสมกับวัสดุอื่นๆ โดยการนำไม้ธรรมชาติมาผ่านกระบวนการให้เป็นแผ่นไม้พื้น และยังทำให้ไม้พื้นชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติเหมือนกันกับไม้จริงหรือไม้ธรรมชาติได้ดังเดิม จึงทำให้มีคุณสมบัติด้านความทนทานสามารถใช้งานได้ยาวนาน  ปัจจุบันมีประเภทของไม้เนื้อแข็งที่นำไปทำเป็นไม้พื้นรางลิ้นหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้โอ๊ค และไม้อิโรโก้ เป็นต้น ซึ่งไม้รางลิ้นที่ทำจากไม้แต่ละประเภทก็จะมีคุณสมบัติจำเพาะของเนื้อไม้ที่แตกต่างกันไปด้วย

  • ข้อดีของพื้นไม้รางลิ้น
    • ทนทานสูง เพราะมีคุณสมบัติเหมือนไม้ธรรมชาติ และเป็นเนื้อไม้แผ่นเดียวที่มีความแข็งแรง 
    • ความรู้สึกอบอุ่น สัมผัสสบายเท้า ด้วยคุณสมบัติเหมือนไม้จริง ทำให้มีผิวสัมผัสและคงอุณหภูมิได้แบบไม้จริง 
    • เอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เพราะสีและเฉดของไม้ตามธรรมชาติ
    • ขัดทำสีได้หลายครั้งตลอดอายุการใช้งาน เพราะพื้นไม้มีความหนามากกว่าพื้นไม้ประเภทอื่นจึงทำให้สามารถขัดทำสีใหม่ และทำได้หลายรอบเพื่อปรับแต่งให้พื้นดูเหมือนใหม่ได้เสมอเมื่อมีรอยขีดข่วน
    • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะทำจากไม้ธรรมชาติ และไม่มีสารเคมีตกค้าง
  • ข้อเสียของพื้นไม้รางลิ้น
    • ราคาสูง หากเทียบกับพื้นไม้ชนิดอื่นๆ ไม้พื้นรางลิ้นจะมีราคาสูงกว่าเพราะใช้วัสดุไม้จริงทั้งแผ่น และยิ่งเป็นชนิดไม้หายากหรือมีความทนทานสูง จะราคาสูงขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งการติดตั้งก็มีราคาสูง และสามารถทำได้แค่ขัดทำสีหน้างานเท่านั้น หากไม่ได้ทำสีสำเร็จจากโรงงาน
    • ดูแลรักษายาก เพราะคุณสมบัติของไม้ธรรมชาติที่ไม่ถูกกับความชื้น ทำให้เมื่อโดนน้ำ หรือเกิดความชื้นจะทำให้เกิดการโก่งหรือหดขยายตัวได้ และส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องอายุการใช้งานตามมาด้วย 

พื้นไม้รางลิ้น เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

พื้นไม้รางลิ้นเป็นไม้ธรรมชาติที่มีความคงทนดีสามารถมีอายุการใช้งานได้ถึง 30 ปีขึ้นไป แต่ด้วยคุณสมบัติของไม้ที่ไม่ค่อยถูกกับความชื้นนั้น จึงทำให้เหมาะกับการใช้งานในกับการปูพื้นภายในบ้านหรือภายในอาคารเป็นหลัก ซึ่งเหมาะกับห้องที่มีการใช้งานโดยทั่วไป เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น ที่ช่วยให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตาและผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ แต่ไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานในห้องที่มีโอกาสพบความชื้นหรือมีโอกาสโดนน้ำได้มาก

นอกจากนี้ในแง่ของความสวยงามแล้วยังมีความโดดเด่นในแง่ของลวดลายและเฉดสี ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ในการตกแต่งได้อย่างหลากหลาย จะเป็นโทนมินิมอลหรือสมัยใหม่ก็สวย โทนวินเทจก็เหมาะสม หรือจะเป็นสไตล์คลาสสิกและหรูหราก็ปรับแต่งได้อย่างสวยงาม 

รู้จักกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood Flooring)

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คือไม้พื้นที่เกิดจากนวัตกรรมการแปรรูปของไม้เนื้อแข็งกับไม้เนื้อบางอื่น ๆ ด้วยเทคโนโลยีในการผสมผสานไม้ชนิดต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จึงทำให้ลักษณะของไม้มีการจัดเรียงเป็นชั้นโครงสร้างหลายชั้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของพื้นไม้จริงให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งานได้มากขึ้น 

โดยบริเวณผิวหน้าของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ จะเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความหนาประมาณ 2-4 มม. ที่สามารถเลือกลวดลายไม้และสีของไม้ได้ตามประเภทของไม้เนื้อแข็งที่ต้องการ พร้อมการเคลือบทำสีสำเร็จเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนจากโรงงาน สำหรับโครงสร้างชั้นล่างจะนำไม้เนื้ออ่อนมาทำเป็นไม้อัด โดยการจัดวางตามโครงสร้างวิศวกรรมแบบวางขวางสลับเสี้ยนของไม้ ที่ช่วยให้สามารถลดอัตราการยืดหดตัว ทนความชื้นได้มากขึ้น และลดการพองตัวหรือบิดโก่งได้ดียิ่งขึ้นเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง  

การแยกประเภทของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มักแบ่งตามชื่อของไม้ที่อยู่บนผิวหน้า เช่น ไม้สัก – เอ็นจิเนียร์ ไม้วอลนัท – เอ็นจิเนียร์ ไม้โอ๊ค – เอ็นจิเนียร์  และไม้มะค่า – เอ็นจิเนียร์ เป็นต้น จึงทำให้ลักษณะของพื้้นไม้มีหน้าตาคล้ายคลึงกับพื้นไม้รางลิ้นทั้งในเรื่องของลวดลาย สี และเนื้อไม้นั่นเอง

  • ข้อดีของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
    • สวยงาม เพราะยังคงลวดลายไม้จริงตามผิวของหน้าไม้ ทั้งในเรื่องของลวดลาย สี และเนื้อไม้ ให้ความรู้สึกสวยงามเป็นธรรมชาติ 
    • ราคาจับต้องได้ ราคาต่อตารางเมตรถูกกว่าพื้นไม้จริง รวมถึงราคาในการติดตั้งก็ถูกกว่า การติดตั้งด้วยพื้นไม้จริงอีกด้วย 
    • ติดตั้งง่าย พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีวิธีการติดตั้งที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ด้วยการปูแผ่นโฟมรองพื้น นำไม้เอ็นจิเนียร์วางร่องให้ตรงกัน และยึดให้ติดกันด้วยกาว
    • มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถนำไปใช้งานในบริเวณที่พบเจอความชื้นได้บ้าง โดยที่พื้นไม้เอ็นจิเนียร์จะไม่โก่งตัว บิดงอ หรือแตกหักได้ง่าย เพราะมีความทนต่อความชื้นและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ อีกทั้งยังสามารถหดหรือขยายตัวตามอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้สามารถนำไปใช้งานในพื้นที่ที่หลากหลายกว่าพื้นไม้จริง
    • ดูแลรักษาง่าย เพียงกวาดหรือดูดฝุ่น สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และไม่ต้องระมัดระวังเรื่องของความชื้นหรือความร้อนเท่ากับพื้นไม้จริง รวมไปถึงยังป้องกันปลวกและแมลงได้
    • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จะใช้ไม้จริงมาเป็นส่วนของผิวหน้า แต่ผู้ผลิตส่วนใหญ่เลือกใช้ไม้จากป่าปลูกมาเป็นวัสดุในการผลิต โดยไม่ต้องไปรบกวนไม้จากธรรมชาติ
  • ข้อเสียของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
    • ข้อจำกัดด้านความสวยงาม เพราะมีรอยต่อระหว่างแผ่นที่สามารถมองเห็นได้ อาจไม่สวยงามเท่ากับการปูพื้นไม้จริง สำหรับบางคน
    • การซ่อมแซม พื้นไม้เอ็นจิเนียร์นั้นมีผิวหน้าบาง กว่าพื้นไม้จริง และเมื่อเกิดรอยขีดข่วนก็จะแก้ไขได้ยากกว่า
    • ต้องติดตั้งบนผิวเรียบ เนื่องจากโครงสร้างของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีความหนาแน่นน้อยกว่าพื้นไม้จริงที่เป็นเนื้อไม้แผ่นเดียว ทำให้ต้องติดตั้งทับพื้นที่เรียบหรือพื้นที่มีระดับค่อนข้างเรียบเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดเสียงดังเวลาเดินได้ ​

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เหมาะกับการใช้งานแบบไหน ?

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ นำไปใช้งานในอาคารได้อย่างยืดหยุ่นเพราะมีทั้งความสวยงาม ทนทาน และทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดี จึงทำให้สามารถใช้งานได้แทบทุกพื้นที่ภายในบ้าน ยกเว้นบริเวณพื้นที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องครัว หรือห้องน้ำ เนื่องจากพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ยังมีส่วนประกอบของไม้จริง หากต้องโดนน้ำเป็นเวลานานจะทำให้มีโอกาสที่จะยังบวมน้ำได้อยู่ 

ส่วนของเรื่องความสวยงามนั้นสามารถนำไปปรับใช้ได้หลากหลายสไตล์ตามความชอบได้อย่างอิสระ เนื่องจากพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีความสวยงามได้เหมือนพื้นไม้จริง เพียงแค่อาจเห็นร่องระหว่างแผ่นที่คั่นลวดลายไม้  แต่ก็กลายเป็นเอกลักษณ์แบบใหม่ของการใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ไปโดยปริยาย อีกทั้งยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสามารถนำไปใช้ได้ทั้งบ้าน เพราะมีราคาถูกกว่า ทำให้สามารถคุมธีมในการออกแบบได้ดีกว่า และเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับพื้นที่เหล่านั้นได้มากกว่าอีกด้วย  

โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้รางลิ้น หรือพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งไม้พื้นทั้งสองประเภทนี้ยังคงความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ และยังมีคุณสมบัติที่มีความทนทานสามารถใช้งานได้ค่อนข้างนาน เหมาะกับผู้ที่ชอบความรู้สึกของไม้จริง และยังดูแลรักษาได้ง่าย 
หากใครกำลังมองหาพื้นไม้รางลิ้น หรือพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ จากผู้จัดจำหน่ายที่ไว้วางใจได้อย่าง อารีย์ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไม้จริง ผู้ผลิตไม้คุณภาพสูงหลากหลายชนิด มีบริการไม้พื้นที่หลากหลายให้เลือกสรรได้ ตามความต้องการ สำหรับงานก่อสร้าง ไม้ตกแต่งบ้าน ไม้ตกแต่งภายใน และงานเฟอร์นิเจอร์ พร้อมบริการออกแบบและติดตั้ง ดูแลหลังการขายครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี


สอบถามหรือสั่งซื้อพื้นไม้โอ๊ค บริการติดตั้ง ติดต่อ อารีย์อภิรักษ์

โทร. 02-007-3448 | Line: @aree.woodfloor | Email: info.areeaphiluck@areeaphiluck

      

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า